(ทดลองอ่าน) มันช่างน่าอับอายเอาเสียจริง เมื่อรสหอมหวานของจูบแรก ที่เธอเฝ้าถนอมมันมานานกลายเป็นรอยจูบจาก 'สามีของคนอื่น' เธอปล่อยให้เขาเดินนำไปก่อน ส่วนตัวหล่อนเองยังยืนนิ่งเหมือนรู้สึกได้ถึงคว

แนะนำเรื่อง
ข้อมูลนักเขียน
นามปากกา : พิมพ์แดง, บุษรานารี
นักเขียน : บุษรานารี พิมพ์แดง
Group Writing :
เผยแพร่
วันที่เผยแพร่ : 23 ต.ค. 2558
แก้ไขล่าสุด : 19 พ.ย. 2561
ซื้อ e-book ได้ที่นี่

แรงแค้น... รอยสวาท

มันช่างน่าอับอายเอาเสียจริง เมื่อรสหอมหวานของจูบแรก ที่เธอเฝ้าถนอมมันมานานกลายเป็นรอยจูบจาก 'สามีของคนอื่น' เธอปล่อยให้เขาเดินนำไปก่อน ส่วนตัวหล่อนเองยังยืนนิ่งเหมือนรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ปรวิทย์มีต่อกมลเนตร คิดได้ดังนั้นก็ได้แต่อมยิ้มปนเสียดาย ถึงหล่อนจะแอบเอาหนุ่มหล่อหน้าสำอางค์คนนี้มาเดินเล่นในใจเป็นบางเวลาที่ได้เห็น แต่ความจริงมันก็คงไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยปลายตามาแสดงความสนใจ หรือห่วงใยอย่างที่เขาทำกับเพื่อนสาวของหล่อนเลยสักครั้ง ว่าแล้วใบหน้าที่ปลงตกของมยุริน ก็ค่อยๆ ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะเปรยออกมาว่า “ฉันจะยินดีมากกว่าถ้าหากเขาสนใจแก ยัยเนตร แม้จะเจอเขาเพียงไม่นาน แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนดี” มยุรินถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบเดินตามปรวิทย์ไป “เป็นยังไงครับ?...คนเก่ง ผมขอดูแผลหน่อยนะครับ” ปรวิทย์เอ่ยถามกมลเนตรที่นั่งหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด เพราะความประมาทจนได้เรื่องของหล่อนที่คิดว่างานแค่นี้หล่อนน่าจะทำได้ แต่ก็ต้องมาเจ็บตัว “นายไม่ต้องมาล้อฉันเลยนะ” “ใครว่าล่ะ...ผมไม่ได้ล้อคุณซะหน่อย” ปรวิทย์นั่งลงบนส้นเท้าตรงหน้ากมลเนตรก่อนจะระบายยิ้มออกมา “เรื่องแบบนี้ ทำไมคุณไม่ให้แฟนคุณมาช่วยล่ะครับ” “แล้วนายเห็นใครสักคนไหมล่ะ ที่หน้าตาพอจะเป็นแฟนฉันได้น่ะ” แววตากลมโตแกร่งขึ้นบ่งบอกความรู้สึกขยาดผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ เขาทิ้งแม่หล่อนไปอย่างไม่ไยดี ทำให้หญิงสาวกลัวการมีสามีเป็นที่สุด “เอ่อ...เรามากันแค่สองคนน่ะค่ะ ที่สำคัญฉันไม่เห็นใครที่พอจะช่วยเหลือเราได้นอกจากคุณในเวลานี้” มยุรินตอบขึ้นแทน “อีกอย่าง...ยัยเนตรยังไม่มีแฟนค่ะ” มยุรินพูดเสริมเหมือนรู้ว่าปรวิทย์ต้องการคำตอบนี้ “อ้าว...เหรอครับ” ปรวิทย์รู้สึกแปลกๆ ในใจที่สองสาวอายุก็ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครมาคอยดูแล แต่ก็นึกดีใจไม่น้อยที่หญิงสาวที่เขาแอบหมายปองอยู่ยังไม่มีคนรู้ใจ “อายุปูนนี้แล้ว ไม่รีบหาคนมาดูแล ระวังจะเฉาตายก่อนเวลานะครับ” ปรวิทย์พูดหยอกเย้าให้แม่สาวแสนงอนคลายสีหน้าบึ้งตึงนั้นเสียที “มันจะมากไปแล้วนะ เรื่องส่วนตัวของฉันนายมายุ่งอะไรด้วยห๊า” ดูเหมือนว่าสีหน้าที่ชายหนุ่มต้องการให้มันคลายลงกลับจะยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “ส่วนยัยริน...แกก็พูดเกินไป แกก็รู้ว่าฉันเกลียดผู้ชายยังกะอะไร ผู้ชายสมัยนี้ไม่เป็นเกย์ ก็เป็นกระเทย ที่เหลือก็อาจจะหล่อลากดิน แต่กินไม่เลือก หรืออ้วนเตี้ยม้อต้อน่ารังเกียจ” กมลเนตรติงเพื่อนสาว แล้วร่ายยาวพรรณนาคุณสมบัติของผู้ชายในยุคสังคมปัจจุบันเสียอย่างลึกซึ้งจนเห็นภาพว่าหล่อนไม่ชอบขนาดไหน “มันก็ไม่เสมอไปหรอกครับ อย่างน้อยก็ต้องมีคนดีๆ หลงเหลืออยู่บ้าง” ปรวิทย์แย้งขึ้นเหมือนเป็นตัวแทนผู้ชายทั้งโลก “แล้วไอ้คนดีๆ ที่นายพูดถึงมันอยู่ส่วนไหนของโลกล่ะย่ะ” แม่สาวจอมดื้อยังรั้นตอบโต้ถามหาสิ่งที่เขาพูดถึง ปรวิทย์นิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบคำถามของกมลเนตร ที่ชะเง้อคอรอฟังคำตอบที่เขาคงจะสรรหาถ้อยคำมาประชันกับเธอไม่ได้ “บางทีมันอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวคุณ หรืออาจจะอยู่ตรงหน้าคุณก็ได้นะครับ” คำตอบของชายหนุ่มทำเอาแม่สาวนักโต้วาทีเมื่อครู่ ถึงกับสยบวาจาสามหาวของเจ้าหล่อนไปราวกับหนูเจอราชสีห์ มยุรินเอาแต่มองการต่อปากต่อคำที่ดูจะไร้เหตุผลของทั้งคู่อย่างขบขัน โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องที่พวกเขาถกเถียงกันอยู่นี้เป็นปมด้อยอยู่ลึกๆ ในใจของคนทั้งคู่ กมลเนตรไม่ต้องการให้ผู้ชายหน้าไหนเข้ามาวุ่นวายในชีวิต เพราะกลัวจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับแม่ของเธอส่วนปรวิทย์กลับต้องการผู้หญิงสักคนเข้ามาในชีวิต เพราะมันอาจจะทำให้เขาลืมความผิดพลาดที่มันเคยเกิดขึ้นได้ “ถ้างั้นดี๋ยวฉันไปหาน้ำมาให้คุณปรวิทย์...ดื่มดีกว่านะ” มยุรินหันไปพูดกับกมลเนตร แล้วปลีกตัวออกไปให้ทั้งคู่ได้คุยกัน แต่ก่อนไปหญิงสาวแอบกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูปรวิทย์ว่า “ฉันรู้ว่าคุณคิดยังไงกับยัยเนตร...สู้ๆ นะคะ ฉันเชียร์คุณอยู่” “ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าพวกคุณจะกล้ามาแค่สองคน แถมยังเป็นผู้หญิงทั้งคู่ซะด้วย” “มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่ฉันมาที่นี่” กมลเนตรตอบหน้าเชิด “พวกคุณนี่ซ่าน่าดูเลย...ถ้าผมเป็นพวกคุณเวลานี้คงเข้าร้านเสริมสวย หรือไปช้อปปิ้งยังจะสบายกว่านี้เยอะ” “ก็ฉันชอบของฉันแบบนี้นี่น่า...แล้วนี่นายจะคุยอีกนานไหม? แผลฉันมันบวมใหญ่แล้วเนี่ย” กมลเนตรพูดขึ้นตัดบท “ตอนนี้ทายาให้แล้ว เดี๋ยวคุณเนตรทานยาแก้ปวดด้วยนะครับ พรุ่งนี้คอยดูนะมันจะห้อเลือด หมดสวยไปพักใหญ่เลยล่ะครับ” ปรวิทย์หยอกแม่สาวน้อยแสนซน กมลเนตรทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แถมยังเบือนหน้าหนีกับคำพูดของปรวิทย์ที่ทำให้เธอไม่อยากจะคิด หรือนึกภาพตามว่าเล็บของหล่อนจะเป็นอย่างไร “น้ำเย็นๆ มาแล้วค่ะ” มยุรินพูดพลางส่งน้ำให้ทั้งสอง “เอ่อ...คุณปรวิทย์ค่ะ ไหนๆ ก็รบกวนมามากแล้ว ช่วยอีกสักเรื่องได้ไหมค่ะ?” มยุรินพูดเชิงขอร้อง “ครับ...ว่ามาเลยครับ” ปรวิทย์ทำท่าเตรียมรับฟัง “ช่วยกางเต้นท์ให้พวกเราหน่อยได้ไหมค่ะ...จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ” “ได้ครับ..ไม่มีปัญหา” ปรวิทย์รับคำแล้วจัดการกางเต้นท์ให้ทั้งสองสาวอย่างทะมัดทะแมง ร่างใหญ่กำยำ เนื้อลายกล้ามแขนเป็นมัดๆ ที่โชว์หราจนออกหน้าออกตาอยู่ภายนอกเสื้อกร้ามสีขาวบางจนเห็นแผงอกหนาที่ออกจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำเอาหัวใจของกมลเนตรเต้นถี่ขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพ่นลมหายใจที่แผ่วเบาอย่างลืมตัว “เสร็จแล้วครับผม” ปรวิทย์พูดพลางเอามือทั้งสองข้างปัดเข้าหากัน “ฉันขอบใจนายมากนะ...ไม่รู้ว่าจะตอบแทนนายยังไงดี” กมลเนตรเอ่ยขอบคุณ “ผมจะดีใจมากถ้าคุณยกโทษเรื่องเมื่อบ่ายให้ผม…หรือไม่ก็เลี้ยงข้าวเย็นผมสักมื้อ” “อย่างหลังน่ะคงได้อยู่...แต่อย่างแรกขอคิดดูก่อนนะ” หลังจากทานมื้อเย็นกันเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนต่างมานั่งจับกลุ่มคุยกันบ้าง ร้องเพลงเล่นกีตาร์กันบ้าง กมลเนตรก็เป็นอีกคนที่รักความสนุกสนาน หล่อนดึงมยุรินเพื่อนสาวเข้าไปขอร่วมวงนั่งฟังเพลง กับเต้นท์ข้างๆ อย่างเพลิดเพลินใจ “นี่...ยัยเนตร คุณปรวิทย์เนี่ย หล่อดีเน๊อะ” มยุรินพูดถึงปรวิทย์อย่างหลงใหลใฝ่ฝันในตัวพ่อเทพบุตรนั่นอย่างไม่อายฟ้าอายดิน “แหม...แกชอบแบบนั้นเหรอ” “ก็ชอบนะ...แต่ถ้าเขาสนใจฉันก็ดีสิ” “แล้วเมื่อตอนเย็นทำไมถึงไม่แสดงท่าทีให้เขาเห็นล่ะว่าแกชอบเขาน่ะ” “แกจะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ” “อย่ามาทำเป็นเหลียมเจี้ยมหน่อยเลย...เจ้าแม่นางร้ายบนละครเวทีระดับมหาวิทยาลัยอย่างแกมีหรือจะทำไม่ได้” กมลเนตรแกล้งแซวเพื่อนสาวถึงสิ่งที่เคยทำสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ มยุรินมักจะได้รับบทนางร้ายเสมอ ส่วนตัวเธอเองก็เป็นนางเอกผู้แสนดีมาตลอด ซึ่งมันออกจะขัดแย้งกับบุคลิกของหล่อน “บนเวทีเราทำตามบทนะ แต่นี่มันชีวิตจริง ฉันทำไม่ได้หรอกแก” “จะว่าไปแล้วหน้าตานายนั่นยังกับพระเอกลิเก หรือไม่ก็พญาเกย์ตัวพ่อเลยนะ” กมลเนตรพูดพลางทำสีหน้าขยะแขยง “ทำไมแกมองเขาอย่างนั้นล่ะ” มยุรินถามอย่างสงสัย “แกจำไม่ได้หรือไง...พี่กายน์...รุ่นพี่ที่ฉันเคยแอบชอบน่ะ ฉันส่งยิ้มให้แทบทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยยิ้มตอบ แถมยังทำหน้าบึ้งใส่อีกต่างหาก ทีแรกฉันก็คิดว่าเก๊กหล่อ หรือว่าเขาหยิ่ง เพราะเห็นว่าสาวๆ ชอบเขาเยอะ แต่ที่ไหนได้สุดท้ายพอจบปีสี่เข้าดันควงผู้ชายมางานรับปริญญานะแก” กมลเนตรเล่าด้วยความรู้สึกเสียดาย “เออ...จริงด้วยสิ เขามีแฟนเป็นผู้ชายซะอย่างนั้น แกนี่สวยซะเปล่าตาถั่วจังเลย” มยุรินพูดให้ขบขันเล่น “ใช่...ตาถั่ว...มองถั่วดำ เป็นถั่วเขียวซะได้” กมลเนตรนึกสนุกด้วยกับคำพูดเล่นของเพื่อนสาว ถึงมันจะเป็นเรื่องน่าอายแต่สาวทั้งสองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องโจ๊กไปโดยปริยาย “แต่แกพูดซะฉันไม่กล้าจะจินตนาการต่อเลย ถ้าเขาเป็นอย่างที่เธอว่ามันจะเป็นยังไง?” มยุรินทำปากบรื้อ “แต่ยังไง...ฉันก็คิดว่าเขาสนใจแกอยู่ดีนั่นแหละ...ยัยเนตร” กมลเนตรทำหน้างวยงง “สนใจเหรอ?...ตรงไหน?” “ก็ดูเมื่อเย็นสิ เขาอุตส่าห์มาทำแผลให้แกนะ” “คงไม่ใช่หรอก...ก็แกไปขอร้องเขาไม่ใช่เหรอ ตาหมอนั่นถึงมาช่วย” “เอาเถอะๆ ไม่เชื่อก็ตามใจแก” มยุรินพูดทำท่าอ้าปากกว้าง “ฉันง่วงแล้วล่ะ แกจะนอนหรือยังยัยเนตร” มยุรินถามแล้วทำตาปรือ “งั้นแกไปนอนก่อนเถอะ...ฉันขอไปเดินเล่นก่อนสักพัก” กมลเนตรตอบ เมื่อมยุรินลุกขึ้นไปเข้านอน กมลเนตรก็ลุกขึ้นตามไปแต่แยกไปอีกทาง ]

ตอนทั้งหมด (4) เก่าไปใหม่ ซื้อทุกตอน
19 พ.ย. 61 10:29 0 302 62 คำ (1 หน้า)
19 พ.ย. 61 10:29 0 137 40 คำ (1 หน้า)
19 พ.ย. 61 10:29 0 107 2481 คำ (10 หน้า)
19 พ.ย. 61 10:29 0 118 1886 คำ (8 หน้า)
แชร์
ทวีต Line it
canvas
Upload to Server | Delete from Server
html
โดย
เรื่องที่คุณอาจจะสนใจ

ปักหมุด

[ชื่อคนเขียน] -
[วันที่สร้างคอมเม้น]